Search

หากพูดถึงชื่อของ ขงจื่อ เม่งจื่อ เหลาจื่อ ชื่อเหล่...

  • Share this:

หากพูดถึงชื่อของ ขงจื่อ เม่งจื่อ เหลาจื่อ ชื่อเหล่านี้น่าจะพอคุ้นหูท่านที่ชอบศึกษาปรัชญาจีนกันมาบ้างใช่มั้ยครับ แต่หากพูดถึง #จวงจื่อ ชื่อนี้คงไม่ค่อยคุ้นหูซักเท่าไหร่

จวงจื่อ นั้นได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในสามของจอมปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักคิดฝ่ายเต๋า เขาเป็นจอมปราชญ์ที่มีชีวิตเมื่อประมาณ 2,300 ปีที่แล้ว ตรงกับยุคจั้นกั๋ว (475-221 ปีก่อนคริสต์ศักราช)

จวงจื่อ เป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้สร้างและต่อยอดแนวคิดของสำนักคิดปรัชญาเต๋า ซึ่งสำนักคิดในสมัยนั้นล้วนแสงหาคำตอบ ว่า มนุษย์จะมีชีวิตอยู่อย่างไรในโลกอันสับสนวุ่นวายวุ่นวาย ไร้สาระ และชีวิตที่เต็มไปด้วยความทุกข์ ด้วยเหตุนี้ จวงจื่อจึงได้นิยามความหมายของ #มนุษย์ที่แท้ ในยุคสมัยของเขาไว้ดังนี้

“มนุษย์ที่แท้แต่โบราณไม่ต่อต้านความขัดสน
ไม่ลิงโลดยินดีในความมั่งคั่ง และไม่วางแผนการ

มนุษย์เยี่ยงนี้อาจกระทำผิดทว่าไม่เศร้าเสียใจ
อาจประสบความสำเร็จ ทว่าไม่ลำพอง

มนุษย์เยี่ยงนี้อาจป่ายปีนสู่ที่สูงชันและไม่หวาดหวั่น
อาจโจนสู่นทีและไม่เปียกปอน

อาจเข้าสู่กองเพลิงและไม่มอดไหม้
ความรู้ของเขาอาจนำไปสู่มรรคาแห่งเต๋าด้วยอาการดังนี้

เขานอนหลับโดยไม่ฝันและตื่นขึ้นโดยไม่วิตกกังวล
เขากินอาหารโดยไม่ใส่ใจในรสชาติ

ไม่พิสมัยชีวิต ไม่เกลียดชังความตาย
เขาถือกำเนิดอย่างปราศจากความยินดี

และกลับคืนไปอย่างไม่เศร้าอาลัย
พึงพอใจกับสิ่งที่ได้รับแล้วหลงลืมมัน มอบมันกลับคืนไป”

จะเห็นได้ว่า จวงจื่อ เสนอแนวคิดให้มนุษย์แสวงหาและกลับสู่ธรรมชาติดั้งเดิมของตน หลุดพ้นจากสองสภาวะที่เป็นคู่ตรงข้าม เช่น ดี-เลว ,สวยงาม-อัปลักษณ์ ,ชีวิต-ความตาย ให้รู้ถึงการแปรเปลี่ยนของธรรมชาติ แม้ชีวิตและความตายอันเป็นเรื่องสำคัญที่สุดของชีวิตมนุษย์ ก็เป็นเพียงการแปรเปลี่ยนเหมือนดั่งฤดูกาลทั้งสี่

เมื่อเทียบในยุคปัจจุบันความหมายของ "มนุษย์ทีแท้" อาจตรงกันข้ามกับ จวงจื่อ ชนิดเรียกว่ากลับตาลปัตร บางครั้งการได้ย้อนกลับไปดูความคิดของคนสมัยโบราณมันก็ทำให้เราเข้าใจปัญหาของมนุษย์มากขึ้น เพราะไม่ว่าจะผ่านมากี่พันปีความทุกข์ของมนุษย์ก็ยังคงอยู่ในรูปแบบเดิมเพียงแค่เปลี่ยนบริบทไปเท่านั้นเอง


Tags:

About author
not provided
ปรุงอาหารสมอง ปรุงอาหารความคิด ไปกับสาระศาสตร์
View all posts